20 เมษายน 2563
16 เมษายน 2563
12 เมษายน 2563
07 เมษายน 2563
06 เมษายน 2563
05 เมษายน 2563
04 เมษายน 2563
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
ที่ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจที่เรียกว่า“โควิด-19” (COVID-19) เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ อาการ และ วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า เอาไว้
รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยในช่วงนี้
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า
ไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด
โดยส่วนใหญ่ติดต่อผ่านทางละออกเสมหะ จากการไอ จาม น้ำมูก และน้ำลาย
ดังนั้น
ประชาชนจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ผู้มีอาการป่วย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ
หรือใช้น้ำยาแอลกอฮอล์ 60% ล้างมือ
และไม่นำมือมาสัมผัสบริเวณตา จมูก และปาก
อาการ โควิด-19
ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก ระบุว่า
อาการของผู้ป่วย โควิด-19 ส่วนใหญ่จะมีอาการ
ดังนี้
- มีไข้
- มีอาการไอแห้งๆ
- มีอาการหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ
- บางรายมีภาวะแทรกซ้อน เช่น
ปอดอักเสบ
ทั้งนี้ อ.พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด
ได้แนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 จะเริ่มแสดงอาการออกมาภายใน 1-14 วัน โดยอาการเริ่มแรกส่วนใหญ่จะเริ่มจากมีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจหอบเหนื่อย ถ่ายเหลวท้องเสีย
หากผู้ป่วยมีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
จะทำให้มีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤตและเสียชีวิตได้
เมื่อมีอาการป่วย ควรทำอย่างไร
กรมควบคุมโรคแนะนำว่าผู้ที่มีอาการป่วยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
2019 ควรปฏิบัติดังนี้
- ควรพักผ่อนอยู่ที่บ้าน งดเดินทาง
หลีกเลี่ยงที่ชุมชน
- ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ทุกครั้งที่ไอหรือจาม
- ทิ้งกระดาษทิชชู่ลงในถังขยะทุกครั้ง
- ทำความสะอาดเชื้อโรคบนสิ่งของ
และผิวสัมผัสต่างๆ เป็นประจำ
นอกจากนี้
สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยหลังจากเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น มีอาการไข้ ไอ
มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ ต้องไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง รวมถึงใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น
มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ ต้องไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง รวมถึงใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น
โรคนี้รุนแรงแค่ไหน .
นพ.ธีระ วรธนารัตน์
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์
Hfocus.org ไว้เมื่อวันที่
22 ก.พ. ว่า จากข้อมูลที่มีอยู่
พบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง โดยมีเพียงประมาณ 15% ที่มีอาการขั้นรุนแรง ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2%
ทั้งนี้ นพ.ธีระ ได้กล่าวเสริมว่า
แม้อัตราเสียชีวิตไม่มาก แต่ต้องป้องกันอย่างจริงจัง เนื่องจากพบว่ามีการติดต่อค่อนข้างง่าย
และสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่แน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)